ยินดีต้อนรับครับ

วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2558

The History of Air Jordan แบรนด์ที่เป็นมากกว่ารองเท้า



หากจะพูดถึงแบรนด์ sneaker ที่ทรงอิทธิพลสักแบรนด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวงการรองเท้ากีฬาบาสเกตบอลแล้วล่ะก็ แน่นอนว่าคงหนีไม่พ้น Jordan Brand ที่อยู่ภายใต้การดูแลของ Nike อย่างแน่นอน ยืนยันได้จากยอดขายรองเท้า Air Jordan หลายร้อยถึงหลายพันล้านเหรียญในแต่ละปีตั้งแต่เริ่มผลิตรุ่นแรกออกมา และยังขายดีจนแซงหน้ารองเท้าจาก Nike เองด้วยซ้ำไป
กระแสความนิยมของ Air Jordan นั้นเกินระดับคำว่า คลั่งไคล้ไปแล้ว เพราะเป็นรองเท้าที่มักจะขายหมดเกลี้ยงภายในเวลาอันรวดเร็วเหลือเชื่อ และขายต่อกันในราคาที่สูงกว่าราคา retail หลายเท่าตัว แทรกซึมอยูในวิถีชีวิตประจำวันของผู้คนและ street culture ทุกอณู มีแฟนคลับทั่วโลก จนหลายครั้งก่อให้เกิดการแย่งชิง การทะเลาะวิวาท การทำร้ายร่างกาย การก่อจลาจล ไปจนถึงฆาตกรรม ต้นเหตุเพียงเพราะรองเท้าแค่คู่เดียว
ทั้งหมดนี้มาจากนักบาสเกตบอลผู้เป็นสุดยอดแรงบันดาลใจและตำนานแห่ง NBA ชื่อว่า Michael Jordan ที่ภายหลังผันตัวมาเป็นเจ้าของและดูแล Jordan Brand ด้วยตนเอง
MJ เผยว่า เดิมทีเขาเป็นแฟนรองเท้า Adidas ตัวยง และสมัยเรียนที่ North Carolina โค้ชก็ให้เขาใส่แต่ Converse ลงแข่งบาสฯ ทว่า ด้วยฝีมือที่โดดเด่นเกินวัย จึงเกิดการช่วงชิงตัวพรีเซนเตอร์รองเท้า signature รุ่นใหม่กันระหว่าง Adidas, Converse, และ Nike ตอนที่เจ้าตัวกำลังจะก้าวสู่ NBA แม้ว่า MJ จะชื่นชอบ Adidas มาก แต่ฝ่ายหลังยื่นข้อเสนอที่น่าดึงดูดใจกว่า ทั้งยังมีแผนการตลาดที่ดีกว่า MJ จึงตัดสินใจเลือก Nike ในที่สุด หลังจากนั้นสายการผลิตรองเท้า Air Jordan ที่ sneakerhead ทั่วโลกต่างใฝ่ฝันจะครอบครองก็เริ่มขึ้น
นอกจากนี้แล้ว ความนิยมสูงลิ่วของไลน์รองเท้า Air Jordan ทำให้เราได้เห็นรองเท้ารุ่น retro ที่นำเอารุ่นเก่าๆ มาปรับเปลี่ยนดีไซน์และวางขายใหม่ รวมถึงรุ่นพิเศษ แพ็กเกจพิเศษ และรุ่น collab อีกมากมาย เช่น Levi’s x Air Jordan 1 23/501Eminem x Air Jordan 4OVO x Air Jordan 10 & 12Supreme x Air Jordan 5 เป็นต้น
ที่มาจาก :http://www.sneakavilla.net/the-history-of-air-jordan/
นายจิตรภรณ  สุรัติรางคกุล ม.6/2 เลขที่ 3

วันเสาร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2558

กว่าจะเป็น...สัตวแพทย์

       

             
           
          อาชีพสัตวแพทย์ เป็นอีกอาชีพหนึ่งที่มีบทบาทและความสำคัญต่อประเทศเกษตรกรรมเป็นอย่างมาก เมื่อพูดถึงอาชีพสัตวแพทย์หลายๆคนอาจคิดว่าเป็นแค่หมอรักษาสัตว์ทั่วไป แต่บทบาทหน้าที่ของสัตวแพทย์ไม่ได้มีแค่นั้น นอกจากการรักษาสัตว์แล้ว สัตวแพทย์ยังมีบทบาทหน้าที่ในด้านอื่นๆอีกมาก เช่น ในด้านสัตว์เศรษฐกิจหรืองานด้านปศุสัตว์ ซึ่งก็คงไม่ใช่การตอนสัตว์เพียงอย่างเดียว แต่สัตวแพทย์ยังมีหน้าที่ในการคัดเลือกสายพันธุ์ การผสมเทียม การดูแลจัดการด้านต่างๆ ตลอดจนการป้องกันโรค นอกจากการดูแลสัตว์แล้วก็ยังมีการดูแลสวัสดิภาพและความปลอดภัยของประชาชน
          อย่างไรก็ตาม มีผู้นิยมเลี้ยงสัตว์ในบ้านเรือนส่วนบุคคลมากขึ้น ความต้องการสัตวแพทย์ประจำโรงพยาบาลหรือคลินิก อาจมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกทั้งโอกาสในการประกอบอาชีพส่วนตัวเป็นไปได้ค่อนข้างสูง เพราะผู้เลี้ยงสัตว์มักนำสัตว์เลี้ยงของตนไปคลินิกมากขึ้น เนื่องจากต้องการความสะดวกรวดเร็วในการตรวจและรักษาสัตว์เลี้ยง


ที่มาจาก : http://www.vetcouncil.or.th
นางสาวสุรางคนา พูลสมบัติ  ชั้น ม. 6/2  เลขที่ 39

ดนตรีเปลี่ยนชีวิต



ดนตรีเป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่มนุษย์ได้สร้างสรรค์ปรุงแต่งขึ้น    และได้เป็นเพื่อนทางจิตใจของมนุษย์มาช้านานแล้ว คำถามที่ว่าศิลปะแขนงนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อใด   ไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบได้    แต่ว่าอาศัยหลักฐานและข้ออิงทางมานุษยวิทยา (anthropology)    ดนตรีช่วยบำบัดรักษาผู้ป่วยที่ร่างกายได้รับการบาดเจ็บ ในกรณีที่ผู้ป่วยประสบอุบัติเหตุจนร่างกายได้รับบาดเจ็บจนไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ตามปกติ การให้ผู้ป่วยได้ทำกิจกรรมดนตรีบำบัดจะช่วยทำให้ผู้ป่วยมีอาการที่ดีขึ้นได้ โดยการฟังเพลงบรรเลงที่มีทำนองช้าเบาสบาย ที่มีเสียงธรรมชาติประกอบ เช่น เสียงนกร้องเบาๆ เสียงฝนหรือน้ำไหลเบาๆ จะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลาย มีจินตนาการไปตามเสียงดนตรี ซึ่งจะช่วยทำให้ผู้ป่วยลดความเจ็บปวดและลดความวิตกกังวลลงได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณประโยชน์ต่างๆจะเกิดขึ้นได้ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยและองค์ประกอบต่างๆของดนตรีที่จะนำมาใช้บำบัด ซึ่งก็คือ จะต้องเลือกดนตรีให้เหมาะสมกับคนไข้ ทั้งทางด้านตัวบุคคล อารมณ์ รวมถึงสุขภาวะด้วย  เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพ/ประสิทธิผลที่ดี และลักษณะของดนตรีก็ควรจะมีความอ่อนนุ่ม ไพเราะ ฟังสบาย  ส่วนในขั้นตอนการรักษา ผู้รักษาจะต้องสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับคนไข้เพื่อให้คนไข้เกิดความพร้อม/เต็มใจที่จะรับการบำบัด โดยใช้ดนตรีช่วยเป็นสื่อในกิจกรรม ควรจะมีการบูรณาการดนตรีเข้ากับการบำบัดด้านอื่นๆด้วย พร้อมทั้งมีการประเมินผลของการบำบัดรักษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะได้ปรับแผนการบำบัดให้เกิดความเหมาะสมยิ่งขึ้น
ที่มาจาก:https://www.google.co.th/search?q=ดนตรี  
 นางสาว สุพรรณนิภา เศวตสุทธิสิริกุล ม.6/2 เลขที่38

เทคนิคพิชิตเอแม็ท



เอแม็ท ( A-MATH ) เป็นเกมต่อคำนวณทางคณิตศาสตร์ อาศัยทักษะการต่อตัวเลขตามหลักสมการการคำนวณทางคณิตศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็น การบวก การลบ การคูน การหาร ลงบนช่องตาราง เพื่อให้เกิดผลที่ดีที่สุด ซึ่งในปัจจุบันเป็นเกมที่ได้รับความนิยมมากพอสมควร ทั้งยังใช้ในการแข่งขันต่างๆมากมาย และถ้าหากเราต้องการจะเล่น หรือให้ชำนาญเพื่อที่จะไปแข่งในสนามต่างๆ ก็ควรที่จะมีกลยุทธ์ มีเทคนิค ในการทำคะแนน เพื่อที่จะเอาชนะคู่แข่งขันให้ได้ และการเล่นเอแม็ทนี้ ยังเป็นการฝึกใช้ทักษะทางคณิตศาสตร์ ฝึกความคิด ความรอบคอบ คล่องแคล่วในการคิดเลข และยังเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์อีกด้วย
ที่มา : http://a-mathismylife.blogspot.com/p/new.html?m=1
นายวรรณเฉลิม เพิ่มทรัพย์ เลขที่ 30 ชั้น ม. 6/2

เส้นทางที่จะพิชิต 7 วิสามัญ



ไม่ใช่เรื่องยากแต่การที่เราจะพิชิตได้ ต้องมีกลวิธีการพิชิตมีวิธีง่ายๆ คือการจัดตารางการอ่านหนังสือ มีดังนี้
1. เลือกเวลาที่เหมาะสม
เวลาที่เหมาะสมหมายความว่า เวลาที่น้องต้องการจะอ่าน เวลาที่ว่างจากงานอื่น เวลาที่อยากจะอ่านหนังสือ หรือเป็นเวลาที่อ่านแล้วได้เนื้อหามากที่สุด เข้าใจมากที่สุด เวลาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนชอบอ่านตอนเช้าตรู่ บางคนชอบอ่านตอนกลางคืนก่อนนอน บางคนชอบอ่านเวลากลางวัน แล้วแต่การจัดสรรเวลาของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน น้องต้องเลือกดูเวลาที่เหมาะสมของตัวเองนะครับ การจัดเวลาต้องให้ได้อย่างน้อย 2 ชั่วโมงครับ วันนึงถ้าอ่านหนังสือแค่วันละ 2 ชั่วโมงน้อยมาก
2. วางลำดับวิชาและเนื้อหา
ขั้นตอนต่อมา คือ เลือกวิชาที่จะอ่าน มีหลักง่ายๆ คือ เอาวิชาที่ชอบก่อน เพื่อให้เราอ่านได้เยอะๆ และอ่านได้เร็ว ควรเลือกเรื่องที่ชอบอ่านก่อนเป็นอันดับแรก จะได้มีกำลังใจอ่านเนื้อหาอื่นต่อไป ไม่แนะนำวิชาที่ยาก และเนื้อหาที่ไม่ชอบนะครับ เพราะจะทำให้เสียเวลาเปล่า การอ่านหนังสือควรอ่านให้ได้ตามที่เราวางแผนเอาไว้ วิธีการก็คือ List รายการหรือเนื้อหา บทที่จะอ่านให้หมด จากนั้นค่อยเลือกลำดับเนื้อหาว่าจะอ่านเรื่องใดก่อนหลัง แล้วค่อยลงมืออ่าน
3. ลงมือทำยังไง ถ้าไม่มีข้อนี้ก็ไม่มีทางสำเร็จ การลงมือทำคือการลงมืออ่านอย่างจริงจัง อย่าผัดวันประกันพรุ่ง เหมือนกับที่พี่เคยเขียนไว้ว่า อย่าฝากอนาคตของตัวเองไว้กับความขี้เกียจของวันนี้ บางคนลงมือทำ แต่ไม่จริงจัง ก็ไม่ได้นะครับ ขอให้นึกถึงชาวนาแล้วกัน ถ้าลงมือทำนาเริ่มตั้งแต่หว่าน ไถ แล้วทิ้งค้างไว้แต่ไม่ทำให้สำเร็จ ไม่ดูแลจนกระทั่งเก็บเกี่ยว หรือทิ้งไว้ไม่เก็บเกี่ยว การทำนาก็จะไม่สำเร็จ เราก็จะไม่มีข้าวกิน ดังนั้น ขอให้น้องๆ ทำอะไร ทำจริงแล้วกันนะครับ ทำให้ได้จริงๆ
4. ตรวจสอบผลงาน ผลของการอ่าน ดูได้จากว่า ทำข้อสอบได้หรือไม่ ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบได้ ก็แสดงว่าอ่านรู้เรื่อง อ่านเข้าใจ ได้เนื้อหาจริงๆ แต่ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบไม่ได้ ก็ต้องกลับไปทบทวนใหม่ พี่ขอแนะนำว่า อ่านแล้วต้องจดบันทึกไว้ด้วยนะครับ จะได้รู้ว่า เราอ่านไปถึงไหนแล้ว และอ่านไปได้เนื้อหาอะไรบ้าง การจดบันทึก ก็คือการทำโน้ตย่อนั่นแหละ ทำสรุปไว้เลยว่าอ่านอะไรไปแล้วบ้าง เก็บไว้ให้มากที่สุด จะได้เป็นผลงานของตัวเอง เก็บไว้อ่านเมื่อต้องการ เก็บไว้อ่านตอนใกล้สอบ
ที่มาจาก:http://www.theactkk.net/
นายปฎิภาณ ยศเมฆ ม.6/2 เลขที่ 19

คิดดีแล้วหรือจึงจัดฟัน



การจัดฟัน เป็นวิธีการแก้ปัญหาฟันเรียงตัว และสบฟันผิดปกติ ไม่สวยงาม โดยการใช้เครื่องมือจัดฟันเพื่อเคลื่อนฟันไปยังตำแหน่งที่เหมาะสม เพื่อประโยชน์ในด้านสุขภาพฟัน และบุคลิกภาพที่ดี การจัดฟันสามารถทำได้ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ แต่ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดคือ ประมาณ 10-14 ปี เพราะร่างกายกำลังเจริญเติบโต ฟันจะเคลื่อนที่ได้ง่าย
ข้อดีของการจัดฟัน
  • เพื่อสุขภาพที่ดีของช่องปาก หากมีปัญหาฟันซ้อนเก ฟันยื่น ฯลฯ จะทำให้การทำความสะอาดฟันไม่ทั่วถึง จะเกิด ปัญหาฟันผุตามมา เมื่อจัดฟันให้เข้าที่เข้าทางแล้ว ย่อมแปรงฟันได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • เพื่อให้ฟันทำหน้าที่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
  • เพื่อความสวยงาม และบุคลิกภาพที่ดีขึ้น
ข้อเสียของการจัดฟัน
           
การรักษาจัดฟันไม่ได้มีแต่ข้อดีที่จะให้ฟันเรียงตัวสวยงามและบดเคี้ยวอย่างมีประสิทธิภาพแต่เพียงด้านเดียว ผลเสียที่เกิดจากการจัดฟันอาจจะเกิดขึ้นได้ดังต่อไปนี้เช่นฟันผุ, เหงือกอักเสบ, ฟันอาจจะตายได้สำหรับการรักษาในบางกรณี,รากฟันอาจจะมีการละลาย, เครื่องมือที่แตกหักอาจจะ ทิ่มแทงเนื้อเยื่อในปากและกระพุ้งแก้ม, อาจจะมีอาการปวดข้อต่อขากรรไกรได้ทั้งนี้อาจไม่เกี่ยวข้องกับการจัดฟันเลย ฯลฯ
การจัดฟันนั้นมีประโยชน์เป็นอย่างมาก เพราะการจัดฟันนั้นไม่เพียงจะทำให้ฟันของเราเข้ารูป แต่ยังช่วยทำให้เรารูปหน้าเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ทำให้มีบุคลิกภาพที่ดีขึ้น มีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้น ซึ่งมองดูโดยภาพรวมแล้วการจัดฟันก็มีผลต่อตัวเราในทางที่ดี แต่ก็อาจจะไม่จำเป็นเสมอไป เพราะเราก็ไม่สามารถที่จะรู้ได้ว่าในอนาคตนั้นการจัดฟันจะส่งผลดีต่อตัวเราหรือไม่ หรืออาจจะส่งผลให้เราจะต้องสูญเสียฟันไปก่อนคนอื่นก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นแล้วเราก็ควรที่จะพิจารณาถึงความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับ หรือข้อเสียจากการจัดฟันให้ดีก่อนจะตัดสินใจจัดฟัน

ที่มาจาก   http://www.judfuns.com/blog/archives/148
นางสาวเกสรา   สุขสวัสดิ์    เลขที่ 5    ชั้น ม.6/2

ภาวะโลกร้อนความจริงช็อกโลก



ภาวะโลกร้อน (Global Warming) หมายถึง การที่อุณหภูมิเฉลี่ยของอากาศบนโลกสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอากาศบริเวณใกล้ผิวโลกและน้ำในมหาสมุทร ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมาอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้นถึง 0.74 ? 0.18 องศาเซลเซียส และจากแบบจำลองการคาดคะเนภูมิอากาศพบว่าในปี พ.ศ. 2544 – 2643 อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกจะเพิ่มขึ้นถึง 1.1 ถึง 6.4 องศาเซลเซียส
สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนก็เพราะว่าก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มขึ้นจากการทำกิจกรรมต่างๆของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการเผาผลาญถ่านหินและเชื้อเพลิง รวมไปถึงสารเคมีที่มีส่วนผสมของก๊าซเรือนกระจกที่มนุษย์ใช้ และอื่นๆอีกมากมาย จึงทำให้ก๊าซเรือนกระจกเหล่านี้ลอยขึ้นไปรวมตัวกันอยู่บนชั้นบรรยากาศของโลก ทำให้รังสีของดวงอาทิตย์ที่ควรจะสะท้อนกลับออกไปในปริมาณที่เหมาะสม กลับถูกก๊าซเรือนกระจกเหล่านี้กักเก็บไว้ ทำให้อุณหภูมิของโลกค่อยๆสูงขึ้นจากเดิม
ผลกระทบของภาวะโลกร้อนนั้นก็มีให้เราเห็นกันอยู่บ่อยๆ สภาพลมฟ้าอากาศที่ผิดแปลกไปจากเดิม ภัยธรรมชาติที่รุนแรงมากขึ้น น้ำท่วม แผ่นดินไหว พายุที่รุนแรง อากาศที่ร้อนผิดปกติจนมีคนเสียชีวิต รวมไปถึงโรคระบาดชนิดใหม่ๆ หรือโรคระบาดที่เคยหายไปจากโลกนี้แล้วก็กลับมาให้เราได้เห็นใหม่ และพาหะนำโรคที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น
ในอนาคตคาดว่าผลกระทบของภาวะโลกร้อนจะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆเราสามารถช่วยกันลดภาวะโลกร้อนได้หลายวิธี หลักๆก็เห็นจะเป็นการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าและประหยัด เพราะว่าพลังงานที่พวกเราใช้กันอยู่ทุกวันนี้กว่าจะมาถึงให้เราได้ใช้นั้น ต้องผ่านกระบวนการขั้นตอนในการผลิตมากมาย และแต่ละขั้นตอนก็จะทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจกขึ้นมา เพราะฉะนั้นการลดใช้พลังงานก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยลดภาวะโลกร้อนได้ เช่น การปิดไฟเมื่อไม่ได้ใช้ การใช้น้ำอย่างประหยัด การใช้จักรยานแทนรถยนต์ในการเดินทางใกล้ๆ และอื่นๆอีกมากมาย
การปลูกต้นไม้ก็เป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยลดภาวะโลกร้อนได้ อย่างที่เรารู้กันดีว่าในเวลากลางวัน ต้นไม้นั้นจะช่วยหายใจเอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไป และหายใจออกมาเป็นก๊าซออกซิเจน เปรียบเสมือนเครื่องฟอกอากาศให้กับโลกของเราโดยแท้ แต่ทว่าปัจจุบันป่าไม้ถูกทำลายและมีจำนวนลดลงไปอย่างมาก ฉะนั้นถ้าเราทุกคนช่วยกันปลูกต้นไม้ ก็เหมือนกับช่วยเพิ่มเครื่องฟอกอากาศให้กับโลกของเรา
ที่มาจาก : http://www.greentheearth.info/
นางสาวอาภาศิริ   นาคแก้ว    ม.6/2     เลขที่ 42

ความพอดีที่พ่อสอน



เศรษฐกิจพอเพียงเลี้ยงชีวิต           ตามแนวคิดนำร่องของพ่อหลวง
ทรงเป็นดั่งร่มไทรไทยทั้งปวง                   พระทรงห่วงชาวประชาข้าบาทไทย
ทรงชี้นำแนวทางสร้างอาชีพ                     ดุจประทีปส่องทางสว่างไสว
ตามวิถีแปรเปลี่ยนเวียนหมุนไป                 ของโลกในปัจจุบันที่ผันแปร
รู้จักเดินสายกลางทางชีวิต                        ไม่ยึดติดจิตใจให้แน่วแน่
พึ่งตนเองก่อนจะให้ใครดูแล                      จึงจักแก้ปัญหาอย่าท้อใจ
ความพอเพียงเพียงพอที่พ่อสอน                ล้วนสะท้อนภูมิปัญญาล้ำค่าได้
พลิกชีวิตที่ลำบากยากเข็ญใจ                     หากเราใช้ความพอเพียงเพื่อเลี้ยงตน
ทรัพยากรมากมายมีหลายหลาก                  ที่เกิดจากธรรมชาติไม่ขัดสน
รู้จักกินรู้จักใช้ไม่อับจน                              ประมาณตนไว้เถิดเกิดผลดี
ไม่ดิ้นรนขวนขวายให้เป็นทุกข์                    แค่เราสุขแบบพอเพียงเยี่ยงวันนี้
ตั้งมั่นในคุณธรรมนำชีวี                              สมกับที่องค์พ่อหลวงทรงห่วงใย.
เศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำรัส
เศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำรัส ยึดความประหยัด ตัดทอนค่าใช้จ่ายในทุกด้าน ลดละความฟุ่มเฟือยในการดำรงชีพอย่างจริงจัง ดังพระราชดำรัสว่า "...ความเป็นอยู่ที่ต้องไม่ฟุ้งเฟ้อ ต้องประหยัดไปในทางที่ถูกต้อง..." ยึดถือการประกอบอาชีพด้วยความถูกต้อง สุจริต แม้จะตกอยู่ในภาวะขาดแคลนในการดำรงชีพก็ตาม ดังพระราชดำรัสที่ว่า "...ความเจริญของคนทั้งหลาย ย่อมเกิดมาจากการประพฤติชอบและการหาเลี้ยงชีพชอบเป็นหลักสำคัญ..." ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์และแข่งขันกันในทางการค้าขายประกอบอาชีพแบบต่อสู้กันอย่างรุนแรงดังอดีต ซึ่งมีพระราชดำรัสเรื่องนี้ว่า "...ความสุขความเจริญอันแท้จริงนั้น หมายถึงความสุขความเจริญที่บุคคลแสวงหามาได้ด้วยความเป็นธรรมทั้งในเจตนา และการกระทำ ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญหรือด้วยการแก่งแย่งเบียดบังมาจากผู้อื่น..." ไม่หยุดนิ่งที่จะหาทางให้ชีวิตหลุดพ้นจากความทุกข์ยากครั้งนี้ โดยต้องขวนขวายใฝ่หาความรู้ให้เกิดมีรายได้เพิ่มพูนขึ้นจนถึงขั้นพอเพียงเป็นเป้าหมายสำคัญ พระราชดำรัสตอนหนึ่งที่ให้ความชัดเจนว่า "...การที่ต้องการให้ทุกคนพยายามที่จะหาความรู้ และสร้างตนเองให้มั่นคงนี้เพื่อตนเอง เพื่อที่จะให้ตัวเองมีความเป็นอยู่ที่ก้าวหน้าที่มีความสุข พอมีพอกินเป็น ขั้นหนึ่งและขั้นต่อไปก็คือให้มีเกียรติว่ายืนได้ด้วยตนเอง..." ปฏิบัติตนในแนวทางที่ดีลดละสิ่งชั่วให้หมดสิ้นไป ทั้งนี้ด้วยสังคมไทยที่ล่มสลายลงในครั้งนี้เพราะยังมีบุคคลจำนวนมิใช่น้อยที่ดำเนินการโดยปราศจากละอายต่อแผ่นดิน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระราโชวาทว่า "...พยายามไม่ก่อความชั่วให้เป็นเครื่องทำลายตัว ทำลายผู้อื่น พยายามลดพยายามละความชั่วที่ตัวเองมีอยู่พยายามก่อความดีให้แก่ตัวอยู่เสมอ พยายาม รักษาและเพิ่มพูนความดีที่มีอยู่นั้น ให้งอกงามสมบูรณ์ขึ้น
ที่มาจาก :  https://sites.google.com/site/yonradasnook/
http://yuyuptlover.blogspot.com/2012/12/blog-post.html
นางสาวสุนิสา  ชูกลิ่น ม.6/2 เลขที่ 37

อาหารน่ารู้คู่วัฒนธรรมไทย



        คนไทยมีการดำเนินชีวิตมาหลายร้อยปีโดยควบคู่ไปกับวัฒนธรรมไทยวัฒนธรรมไทยมีหลายด้านและทุกๆด้านมีความสำคัญเท่ากันหมดคือคนไทยต้องรู้จักอนุรักษ์ความเป็นไทยให้คงอยู่ตลอดไป เช่นวัฒนธรรมด้านอาหาร ซึ่งอาหารไทยอยู่คู่คนไทยมาตั้งแต่สมัยโบราณ อาหารไทยได้รับการยกย่องอย่างมากจากคนทั่วโลก แต่น่าประหลาดใจที่คนไทยจำนวนไม่น้อยกลับไม่คุ้นเคยกับอาหารไทยแท้ ๆ เพราะหลายต่อหลายครั้งเราพบว่าอาหารไทยที่โฆษณากันมากมายนั้น เมื่อพิจารณากันจริง ๆ จัง ๆ แล้วกลับมิใช่อาหารไทยที่แท้จริงจึงทำให้อาหารไทยแบบดั้งเดิมเริ่มมีการสูญหายไปโดยค่านิยมการบริโภคของคนไทยในปัจจุบันส่วนใหญ่ มีวิถีชีวิตการกินอาหารประเภทอาหาร จานด่วน ( fast food ) เลียนแบบการกินแบบตะวันตก "อาหารไทยแท้แต่โบราณ" คือศิลปะและวัฒนธรรมแขนงหนึ่งที่ทำให้ประเทศไทยมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ชาติอื่นยากจะเทียบได้ แต่ปัจจุบันศิลปะและวัฒนธรรมนี้กลับลบเลือนไปเราจึงควรหันมาสนใจอาหารไทยมากขึ้นเพื่ออนุรักษ์คุณค่าของอาหารไทยให้คงอยู่ถึงรสชาติที่ดีและเพื่อให้คนไทยเห็นถึงความสำคัญของอาหารไทยมาขึ้น
ที่มา : https://soclaimon.wordpress.com/2011/03/25/คนไทยไม่รู้จักอาหารไทย/
นางสาวศิรินธร   จั่วนาน  เลขที่ 33  ชั้น ม.6/2

โนราวัฒนธรรมปักษ์ใต้



             เอกลักษณ์ของชาวใต้ที่น่าภาคภูมิใจอย่างหนึ่ง คือ มโนราห์  หรือ โนรา  ซึ่งเป็นศิลปะการร้องและการรำชั้นสูง มีแม่บทท่ารำอย่างเดียวกับละครชาตรี บทร้องเป็นกลอนสด ผู้ขับร้องต้องใช้ไหวพริบ สรรหาคำให้สัมผัสกันได้อย่างฉับไวมีความหมายทั้งบทร้อง ท่ารำ และเครื่องแต่งกาย เครื่องดนตรีประกอบด้วยกลอง ทับคู่ ฉิ่งโหม่ง ปี่ชวา และกรับ ปัจจุบันพัฒนาเอาเครื่องดนตรีสากลเข้าร่วมด้วย เดิมนิยมใช้ผู้ชายล้วนแสดง แต่ปัจจุบันมีผู้หญิงเข้าไปแสดงด้วย ความเป็นศิลปะชั้นสูงของมโนราห์นั้น สามารถดูได้จาก พิธีไหว้บูชาครู หรือที่เรียกว่า ครอบครู ที่เป็นมรดกของชาติและเป็นที่ยอมรับว่างดงามและสูงส่ง บนปรัมพิธีจะมีเศียรเก้าเศียร ซึ่งเศียรที่เก้านั้นก็คือ เทริด มโนราห์ (คล้ายมงกุฎ)  เพื่อให้เกิดสิริมงคลและได้ให้ผู้ที่รำได้มีความเคารพ บูชาครูมโนราห์  เป็นการแสดงความซื่อตรงและรำลึกคุณงามความดีของครู  เป็นผู้ประสาทวิชาการรำมโนราห์ให้ และเป็นการถ่ายทอดให้อนุชนรุ่นหลังสืบมา อีกส่วนหนึ่งของการรำมโนราห์ได้ ภายในวงจะต้องประกอบไปด้วย ผู้รำ คนบรรเลงดนตรี คนขับบทกลอน ต้องคอยประสานกันถึงจะมีความสมบูรณ์แบบ ถ้าหากว่าขาดส่วนใดไป ก็ไม่สามารถแสดงต่อหน้าสาธารณชนได้ เพราะขาดความสุนทรียภาพของการชมไปทุกส่วนย่อมมีความสำคัญมากไม่ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังอาทิ  ตีกลอง  ขับร้องกลอน  และอื่น ๆ หรือคนที่อยู่เบื้องหน้า คือ ตัวผู้รำที่สร้างความสุขให้กับผู้ที่มาชม
ความเป็นเอกลักษณ์และคุณค่าทางวัฒนธรรมเหล่านี้ เป็นตัวผลักดันให้เกิดความสามัคคีเป็นอย่างดีในชนชาวใต้ จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมชาวใต้จึงหวงถิ่นรักพี่เอื้ออาทรพี่น้อง ดังนั้น จะเห็นได้ว่ามโนราห์เป็นเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมที่ดีงาม ที่ควรรักษาเอาไว้ให้อยู่จนถึงรุ่นลูกหลานสืบไป
ที่มาจาก :http://www.m-culture.go.th/phatthalung/index.php
นางสาวพิมชนก นิ่มเรือง เลขที่ 26 ม.6/2

ลดค่าไฟใช้กังหันลม


จากการสำรวจความเป็นไปได้ สถิติที่มีการใช้ไฟฟ้าภายในประเทศไทยสูงขึ้น สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความต้องการ ไฟฟ้า ทำให้แหล่งผลิตไฟฟ้าที่มี ไม่เพียงพอที่จะผลิตไฟฟ้าได้เพียงพอภายในประเทศได้ ที่สำคัญจะต้องไม่ส่งผลกระทบในอีกหลายๆด้าน ปัญหาในระดับครัวเรือนคือ “ค่าไฟ” ปัจจุบันสินค้าอย่าง “ไฟฟ้า” มีความจำเป็นอย่างมาก ทั้งในด้านการใช้ชีวิตในที่พักอาศัย การทำงาน และทางการแพทย์ แต่ละครัวเรือนทั่วประเทศ การหาทางเลือกในการผลิตกระแสไฟฟ้าให้เพียงพอและมีใช้อย่างไม่สิ้นสุด มีต้นทุนในการผลิตไม่สูงมากนัก จึงเป็นที่สนใจของนักวิจัยหลายๆกลุ่ม
ในตำแหน่งที่ตั้งที่เหมาะสม ทำให้มีความหลากหลายในการทดลองต่างๆ ซึ่งประเทศไทยมีทำเลที่ตั้งในส่วนของภาคใต้ ของประเทศมีทะเลล้อมรอบทั้งฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตก ความแตกต่างของอุณหภูมิที่มีการแปรผันตลอดเวลา ทำให้เกิด “ลม” พลังงานลม ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก เป็นเทคโนโลยีที่ลวงตาว่าเรียบง่าย ทางเลือกที่ดีที่สุดในการผลิตกระแสไฟฟ้าคือ “กังหันลม” ในการทำงานของกังหันลม และรูปแบบที่ดีที่สุดคือการวางในตำแหน่งห่างจากชายฝั่ง อย่างน้อย 2 กิโลเมตรที่ความดันบรรยากาศ 770 มิลลิเมตรของปรอท เนื่องจากชายฝั่งสูงกว่าระดับน้ำทะเล ทำให้ลมมีความเร็วเพิ่มขึ้น กังหันลมจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตำแหน่งการวางที่ดีที่สุด ในฝั่งตะวันออกความกดอากาศที่แผ่ปกคลุมมาจากประเทศจีน ทำให้ทิศทางลมไหลลงมาจากทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่ศูนย์กลางอ่าวไทยการรับลมที่ดีต้องทำมุม 45องศา กับเส้นศูนย์สูตร เช่น ศูนย์กลางการตั้งกังหันลมอยู่ที่จังหวัด       นครศรีธรราราช ตั้งด้านหน้าของกังหันลมไปยังทิศตะวันออกเฉียงเหนือ สามารถรับลมได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม
                ดังนั้นการผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยกังหันลมมีส่วนช่วยในการลดค่าใช้จ่ายได้อย่างดีและตอบสนองความต้องการการใช้ไฟฟ้าของคนในประเทศได้อย่างเพียงพอ อีกทั้งสามารถลดต้นทุนในการผลิตไฟฟ้าด้วย พลังงานที่ใช้กับกังหันลมเป็นพลังงานสะอาด  ทำให้ความเป็นอยู่ของคนในประเทศ สังคม ชุมชน หรือในระดับครัวเรือน มีชีวิตดี กินอยู่ดี มีไฟฟ้าใช้ในชีวิตประจำวันได้เพียงพอ อีกทั้ง เป็นการนำความรู้ พัฒนาความคิด ความคิดสร้างสรรค์และการเรียนรู้ในการแก้ปัญหา
และที่สำคัญเป็นไปตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชซึ่งตลอดเวลาพระองค์ทรงสอนประชาชนชาวไทยให้ดำเนินชีวิตแบบพอเพียง ใช้พลังงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ที่มาจาก : http://www3.egat.co.th/re/egat_wind/wind_technology.htm
นายพงศกร อัตถกิจมงคล ม.6/2 เลขที่ 22

เพิ่มความฟิตพิชิตความอ้อน



เป็นคำถามที่ยัง คาใจผู้ฝึกหลายๆคน อีกทั้งความเชื่อที่ว่าการฝึกเพิ่มกล้ามและลดไขมันได้ในโปรแกรมเดียว หรือ แนวคิดที่ว่าเพิ่มกล้ามเนื้อกับลดไขมันไปด้วยกันไม่ได้ จริงๆแล้วแบบไหนถึงจะถูกต้องบทวิเคราะห์นี้จะชี้แจงถึงความเป็นไปได้ทั้งทาง ทฤษฎีและสรีระวิทยา
การสร้างกล้ามเนื้อเกิดขึ้นได้อย่างไร 
                การ สร้างกล้ามเนื้อเกิดจากการฝึกที่กระตุ้นร่างกายให้ส่งสัญญาณให้ สังเคราะห์โปรตีน หรือ สร้างกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นโดยอาศัยภาวะโภชนาการที่มีโปรตีนและพลังงานเพียงพอ บวกกับระบบฮอร์โมนที่ควบคุมการเติบโตตามธรรมชาติของร่างกายเช่น insulin, testosterone, HGH, IGF ผลที่ได้คือ กล้ามเนื้อที่ใหญ่ขึ้น

ส่วนการลดไขมัน
                เกิด จากการที่ร่างกายมีภาวะพลังงานที่รับเข้าน้อยกว่าปริมาณที่ใช้ออก ทำให้ร่างกายขาดแคลนพลังงานจึงจำเป็นที่จะต้องนำพลังงานสะสมในรูปต่างๆมาใช้ และหนึ่งในนั้นคือไขมันในร่างกายนั่นเอง โดยอาศัยฮอร์โมนที่ใช้ในการสลายเพื่อเป็นพลังงาน เช่น cortisol, glucagon มาแตกตัวพลังงานสะสมในร่างกายเพื่อนำมาใช้ต่อไปนั่นเอง

                ดังนั้นทางสรีระ วิทยาจึงมีแนวคิดที่ว่า การเพิ่มกล้ามเนื้อพร้อมๆกับการลดไขมันนั้น ไม่สามารถทำได้เนื่องจากปัจจัยที่ขัดกันหลายข้อ เช่น ภาวะโภชนาการที่ เพิ่มกล้ามเนื้อเป็น + ในขณะที่ลดไขมันเป็น และเราไม่สามารถทำให้เป็นทั้ง + และ ได้ในคราวเดียวกัน อีกทั้งระบบฮอร์โมน เสริมสร้าง Anabolic และ สลาย Catabolic ที่ทำงานตรงกันข้ามเสมอ เมื่อตัวใดตัวหนึ่งหลั่งอีกตัวจะถูกระงับและลดปริมาณทันทีเป็นแบบนี้สลับกัน
 ถ้า ต้องการลดไขมันให้ตั้งเป้าหมายไปที่การลดไขมัน โดยไม่ต้องคำนึงว่าจะสร้างกล้ามเนื้อเพิ่ม แต่ให้คำนึงว่า จะลดไขมันอย่างไร ให้เสียกล้ามเนื้อน้อยที่สุด
                                                                                                  ที่มาจาก http://planforfit.com/
นาย นันทศักดิ์ ชื่นสระ ม.6/2 เลขที่ 18

ปัญหาการมาโรงเรียนสาย

  

       
        นักเรียนเตรียมอุดมศึกษาภาคใต้มาโรงเรียนสายไม่น้อยเลยในแลละวัน   พฤติกรรมการมาเรียนสายมีการกระทำซ้ำบ่อย แสดงเห็นว่าสังคมไม่มีการพัฒนาในด้านศักยภาพบุคคล และด้านการศึกษา ผลสะท้อนว่าโรงเรียนไม่มีมาตรฐานในเรื่องกฎระเบียบ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสังคมและประเทศชาติที่กำลังจะเข้าสู่อาเซียนเป็นอย่างสูง การมาโรงเรียนสายจึงเป็นปัญหาในการเข้าเรียน ไม่ตรงต่อเวลาและผิดกฎระเบียบของโรงเรียนในปัจจุบันพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันของนักเรียนที่ทำให้มาสาย โดยมากเกิดจากการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ในตอนกลางคืน เช่น พูดคุยโทรศัพท์จนดึก เล่นเกมส์ เป็นต้น ผู้ปกครองก็ไม่มีเวลาที่จะรอลูกตื่น เพราะผู้ปกครองต้องรีบไปทำงานแต่เช้า เมื่อไม่มีคนปลุกจึงทำให้นักเรียนตื่นสาย
         การมาสาย หมายถึง นักเรียนที่มาไม่ทันเข้าแถวเคารพธงชาติให้ถือว่ามาสายให้มารายงานตัวและลงชื่อต่อครูเวรประจำวันนั้นๆ
       สาเหตุหลักของการมาโรงเรียนสายมี 3 อันดับ คือ
1. ตื่นสาย หมายถึง เกิดจากการนอนดึก โดยเกิดจากปัจจัยส่วนตัว เช่น การคุย โทรศัพท์ การดูโทรทัศน์ การคุยแชทกับเพื่อน อื่นๆ และปัจจัยทางครอบครัว เช่น การช่วยครอบครัวทำงาน การหมกมุ่นในการเล่นเกม อื่นๆ   
2. ระยะทางจากบ้านมาโรงเรียนไกล หมายถึง ระยะทางการเดินทางไกลจาก บ้านมาโรงเรียน จึงใช้เวลานานในการเดินทาง
3. รอเข้าโรงเรียนพร้อมเพื่อน หมายถึง มาถึงโรงเรียนแต่ยังไม่เข้าโรงเรียน โดย การรอเพื่อนเข้าโรงเรียนพร้อมกัน รอเพื่อนมารับแล้วเข้าโรงเรียนพร้อมกัน หรือการนั่งคุยกันกับเพื่อนเพื่อรอเวลา
       ในปัจจุบันแทบทุกโรงเรียนมีปัญหาเกี่ยวกับมาโรงเรียนสายของนักเรียนภายในโรงเรียนเป็นอย่างมาก  โดยสาเหตุมาจากหลายๆอย่างหลายๆปัจจัย โดยมาจากสาตุการตื่นสายจึงทำให้การมาโรงเรียนสาย ค่อนข้างมาก หรืออาจจะเป็นเหตุผลส่วนตัวคือรอเพื่อนก่อนที่จะเดินทางมาโรงเรียน หรือปัญหาของเรื่องการจราจรติดขัด ซึ่งอาจส่งผลกระทบให้การมาโรงเรียนของเราค่อนข้างที่จะลำบาก ทำให้สถิติการมาสายเพิ่มขึ้นทุกวัน จึงต้องทำการสำรวจสาเหตุการมาสาย เพื่อที่จะได้หาวิธีทางแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างถูกต้อง

           ในการพัฒนาพฤติกรรมการมาโรงเรียนสายของนักเรียนต้องศึกษาพฤติกรรมเป็นรายบุคคล แล้วแก้ปัญหาที่ต้นเหตุโดยอาศัยความร่วมมือจากผู้ที่มีความใกล้ชิดกับนักเรียนมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน พ่อ แม่ ผู้ปกครอง และบุคคลที่มีส่วนในการช่วยเหลือ ดูแลและแก้ปัญหาพฤติกรรมของนักเรียนได้ เพื่อตอบสนองการแก้ไขปัญหาพฤติกรรมการมาโรงเรียนสาย โดยอาศัยความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นแบบกัลยาณมิตร แบบพ่อปกครองลูกและก่อให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียน นักเรียน และผู้ปกครองที่ยั่งยืนต่อไปในอนาคต 
ที่มาจาก: http://blogstudent52003.blogspot.com1.html
นายณัฐชนน คงศรี เลขที่ 14 ม.6/2

เตรียมอุดมวัยใสไร้พุง



                  ในปัจจุบันมีผู้คนจำนวนไม่น้อยเป็นโรคอ้วน    ซึ่ง  โรคอ้วนเป็นภัยคุกคามที่เป็นสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้ ผู้คนเกิดโรคต่างๆตามมามากมาย  นอกจากนี้ ภาวะโรคอ้วนในประเทศไทย ยังมีแนวโน้มที่จะมีการขยายตัวของโรคอ้วนเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต    ซึ่งตามรายงาน จากสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ   เปิดเผยว่า   สุขภาพคนไทยปี พ.ศ.   2557 พบคนไทยมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น 2 เท่าในรอบ 2 ทศวรรษ ซึ่งเทียบกับ 10 ประเทศในเอเชีย    ชายไทยอยู่ในอันดับ 4   หญิงไทยอันดับ 2   นำไปสู่โรคเรื้อรังต่างๆมากมาย   ซึ่ง สะท้อนให้เห็นถึงภัยคุกคาม  คือภาวะ "โรคอ้วน" ที่กำลังบั่นทอนสุขภาพคนไทยมากขึ้น    และในรายงานยังระบุอีกว่า   โรคอ้วนถือเป็นสาเหตุให้คนไทย  เจ็บป่วยและเสียชีวิตก่อนวันอันควร จาก โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง   อาทิเช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคตับ โรคมะเร็ง โรคเกี่ยวกับถุงน้ำดี โรคซึมเศร้า ภาวะหายใจลำบากและหยุดหายใจขณะหลับ และโรคข้อเข่าเสื่อม เป็นต้น โดยคนอ้วนมีโอกาสเป็นโรคเหล่านี้มากกว่าปกติคนที่มีสุขภาพปกติถึง 2-3  
                 โดย ภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน เกิดจากสภาพแวดล้อมทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่แย่ลง ส่งผลให้เกิดความไม่สมดุลทางร่างกายมากขึ้น โดยเฉพาะพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพการรับประทานอาหาร หากรับประทานอาหารที่ให้พลังงานสูงเป็นประจำ จะให้น้ำหนักเกินโดยเฉพาะอาหารที่มีไขมัน และแป้งสูงซึ่งมักจะพบในอาหารจานด่วน ประเภทของอาหารที่ทำให้อ้วน
                   วิธีการลดความอ้วนหรือภาวะน้ำหนักเกินมีดังนี้
 1.รับประทานอาหารให้น้อยลงโดย ร่างกายคนเราต้องการประมาน 2000กิโลแคลอรี่ ต่อวัน
2.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โดยทำอยู่ในช่วง 15- 45 นาที
                    เพราะฉะนั้นทุกฝ่ายจึงต้องเข้ามาให้ความช่วยเหลือในการเอาใจใส่ดูแลคนรอบต่ำไม่ให้อ้วน หรือแก้ไขปัญญาหา โรคอ้วนเหล่านั้น และหน่วยงานต่างๆควร ให้ความรู้แก่ประชาชนในการ บริโภคอาหาร และการออกกำลังกายอย่างถูกวิธี
                                                                ที่มาจาก: http://www.tuvayanon.net/2fatf.html
นายชุษณะ โสภาพงศ์ เลขที่10 ม.6/2

นักบัญชี...อาชีพที่ไม่มีตกงาน



     ในปี 2558 เป็นปีแห่งการเปิดประชาคมอาเซียน จะเป็นตัวเลขสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ ผ่านทางการเคลื่อนย้ายไปมาอย่างเสรีของสินค้า บริการ เงินทุน และวิชาชีพ เกิดความเท่าเทียมในการพัฒนาเศรษฐกิจระหว่างประเทศสมาชิกในอาเซียน การผลักดันส่งเสริมตลาดอาเซียนสู่ตลาดโลก ซึ่งผลจากการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 9 ณ เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซียได้กำหนดให้จัดทำข้อตกลงยอมรับร่วมกัน(Mutual Recognition Arrangements) ด้านคุณสมบัติในสาขาวิชาชีพ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้าย นักวิชาชีพ มีทั้งหมด 8 วิชาชีพ ได้แก่ แพทย์ ทันตะ สถาปนิก วิศวกร นักบัญชี พยาบาล นักสำรวจ และการโรงแรมและการท่องเที่ยว  จะเห็นได้ว่าหนึ่งในนั้นคือ อาชีพนักบัญชี(Accountancy Services) ดังนั้น ขณะนี้อาชีพนักบัญชีจึงเป็นอาชีพที่น่าสนใจอย่างยิ่ง สำหรับบุคคลที่สนใจด้านนี้
นักบัญชีถือเป็นอาชีพหนึ่ง ที่ต้องอาศัยความรู้ความสามารถเฉพาะทาง และร่ำเรียนมาโดยตรง ทำงานในสายงานบัญชี จนมีประสบการณ์มากพอสมควร ผ่านความรับผิดชอบเป็นสมุห์บัญชี หรือผู้จัดการฝ่ายบัญชีมาก่อน จึงจะได้รับการยอมรับให้เป็น นักบัญชี
นักบัญชี เป็นอาชีพที่อยู่ได้เกือบทุกหน่วยหรือทุกองค์กร เพราะฉะนั้นก็ไม่ถือเป็นเรื่องแปลกที่ส่วนใหญ่นักบัญชีจะมีงานทำ หากไม่เกี่ยงงาน หรืออยู่ในจรรยาบรรณของนักบัญชีที่ดีและยิ่งเข้าใกล้การเปิดประชาคมอาเซียนแล้ว ยิ่งทำให้โอกาสของนักบัญชีมีเพิ่มมากยิ่งขึ้น
ที่มาจาก : กรกมล  ลาภดำรงกิจ.  (2556).  Born to be นักบัญชี.
                                                                                        (พิมพ์ครั้งที่ 3).  นนทบุรี: ซีเอ็ดยูเคชั่น.
                                                                                  น.ส.กุลณัฐ  สาริกภูติ เลขที่ 4 ม.6/2 

ก้าวสู่ฝันวันแอดมิชชั่นวิศวกร



ADMISSION คือระบบกลางการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา(CentraI University Admissions System : CUAS) ซึ่งถูกนำมาใช้จริงครั้งแรกในปี 2549  แทนการสอบเอนทรานซ์ในระบบเดิม ซึ่งในระบบใหม่นี้คะแนนของผู้ที่จะถูกคัดเลือกเข้าสู่สถาบันอุดมศึกษาจะไม่ได้มาจากการสอบเพียงอย่างเดียวทั้งหมดเท่านั้น แต่ยังมีคะแนนบางส่วนจากเกรดเฉลี่ยของที่โรงเรียนมาเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาเข้าศึกษาต่อด้วย
วิศวกรรมศาสตร์ เป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยการนำวิทยาการและความรู้ทางวิทยาศาสตร์ มาประยุกต์ คิดค้น ออกแบบ และประดิษฐ์สิ่งต่าง ๆ รวมทั้งการนำทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่มาดัดแปลงและปรับปรุงเพื่อยกระดับมาตรฐานการครองชีพของมนุษย์ให้ดีขึ้น การศึกษาทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ ต้องมีพื้นฐานที่ดีทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ และมีความถนัดเชิงวิศวกรรมศาสตร์ เพื่อความเป็นเลิศทางวิชาการต่อไปในภายภาคหน้า
การที่เราจะแอดเข้าคณะวิศวกรรมศาสตร์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเราจะต้องมีคุณสมบัติของผู้ที่จะยื่นแอดมิชชั่นเข้าคณะวิศวกกรมศาสตร์ แต่ถ้ามีความเตรียมตัวและมีความพร้อมทั้งเรื่องคุณสมบัติและคะแนนที่จะต้องใช้ในการยื่นแอดมิชชั่นเข้าคณะวิศวกรรมศาสตร์ การยื่นแอดมิชชั่นเข้าคณะวิศวกรรมศาสตร์ก็จะไม่ใช่เรื่องยาก

ที่มาจาก : http://www.act.ac.th/service/info/jib/page/jib10.htm
                http://guru.sanook.com/2260/
 นาย กตัญญู ทิพย์แก้ว    ม.6/2 เลขที่ 2

เมล็ดเจีย ขุมทรัพย์แห่งสุขภาพ



                    ในปัจจุบันผู้คนหันมาดูแลใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น เนื่องจากตระหนักถึงความสำคัญของพิษร้ายอันตรายจากการใช้สารเคมีที่ตกค้าง ที่พบในอาหารที่รับประทานเข้าไปสะสมในร่างกาย ทำให้เกิดโรคต่างๆได้มากมาย และถ้ากล่าวถึงทางเลือกในการดูแลสุขภาพ จะเห็นได้ว่าในปัจจุบันมีอยู่หลากหลายรูปแบบ และอีกหนึ่งทางเลือกที่กำลังนิยมกันอย่างแพร่หลายก็คือ เมล็ดเจีย หรือ เมล็ดเชีย (Chia Seed) ธัญพืชมหัศจรรย์ ที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรงและอีกทั้งยังช่วยป้องกันโรค โดยเฉพาะโรคเบาหวาน แต่เมล็ดเจียก็ไม่ได้มีข้อดีเพียงเท่านี้ เพราะเมล็ดเจียยังเป็นตัวช่วยในเรื่องการลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่าเป็นธัญพืชที่มีคุณประโยชน์คับเมล็ดก็ว่าได้ สำหรับเมล็ดเจียมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Salvia Hispanica นิยมปลูกกันมากในแถบประเทศแม็กซิโก โดยชาวอาณาจักรแอซแท็ก ได้นำเมล็ดเจียมาใช้ผสมกับข้าวโพด ถั่ว ผักโขม และนำมาบดรวมกับแป้ง เพื่อคั้นน้ำออกมาใช้ดื่มหรือใช้สำหรับปรุงอาหาร และยังใช้เป็นยารักษาโรคอีกด้วย ในเมล็ดเจียหนึ่งเมล็ดนั้นอุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย อาทิเช่น โอเมก้าสาม ซึ่งมีช่วยบำรุงสมองและจอประสาทตา ป้องกันโรคหัวใจขาดเลือดและลดไขมันในเลือด แคลเซียม ทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง ลดการเสื่อมของกระดูก โบรอน ช่วยในการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่กระดูกได้ดีขึ้น ไฟเบอร์ เป็นกากใยที่เป็นตัวชะลอในกระบวนการเปลี่ยนแป้งเป็นน้ำตาล โปรตีน ช่วยสร้างกล้ามเนื้อและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ นอกจากนี้ ยังช่วยลดปัญหากรด แก๊สในกระเพาะสูง หากทานเมล็ดเจียเป็นประจำ ถึงแม้ว่าเมล็ดเจียจะมีสารอาหารที่มีประโยชน์หลากหลายชนิด แต่ก็ข้อยกเว้นอยู่หลายประการเช่นกัน โดยผู้ที่มีความดันต่ำ รวมถึงผู้ที่ใช้ยาแอสไพรินและยาสลายลิ่มเลือด ควรที่จะปรึกษาแพทย์ก่อนบริโภค และผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ เพราะจะมีผลต่อสารในน้ำนมให้เปลี่ยนไปจากเดิม  ฉะนั้นควรบริโภคในปริมาณที่เหมาะสมและรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพราะเมล็ดเจียเป็นเพียงตัวช่วยในการเสริมอาหารเท่านั้น ไม่ใช่ยารักษาโรค จะเห็นได้ว่าดารบริโภคเมล็ดเจียมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ดังนั้นก่อนการบริโภคก็ควรศึกษาข้อมูลให้ชัดเจนก่อน

ที่มาจาก: http://health.kapook.com/view110535.html
                                                                                                นางสาวกชกร  คำคง ม.6/2 เลขที่ 1